สมุนไพร ข้าว ธัญพืชบำรุงครรภ์ สำหรับแม่ตั้งท้อง

สมุนไพร ข้าว ธัญพืชบำรุงครรภ์ สำหรับแม่ตั้งท้อง

สมุนไพรบำรุงครรภ์ สำหรับคุณเเม่ตั้งท้อง

สมุนไพรบำรุงครรภ์ สำหรับคุณเเม่ตั้งครรภ์ที่ดีที่สุด คือการกินข้าวและธัญพืชเป็นอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพของคุณเเม่ และลูกในท้องให้เเข็งเเรง ซึ่งเเต่ละชนิดมีอะไรบ้าง มีสรรพคุณและประโยชน์อย่างไรกับคุณเเม่ตั้งครรภ์ตลอด 9 เดือนนั้น เราลองมาดูกันครับ

 

ข้าว ธัญพืช สมุนไพรบำรุงแม่ตั้งครรภ์

 

รูปภาพจาก pixels

 

ถ้าจะให้นึกถึงอาหารสักชนิดที่สามารถกินเป็นยาได้ คงหนีไม่พ้นข้าวหรือธัญพืช ที่คนไทยคุ้นชิน เรากินเป็นอาหารหลักมาตั้งเเต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน

ข้าวหรือธัญพืชนั้นไม่เพียงเเต่เป็นแหล่งคุณค่าทางโภชนาการที่ให้ประโยชน์แก่สุขภาพมากมาย เช่น พลังงาน (คาร์โบไฮเดรต และไขมัน) วิตามินเกลือเเร่ ซึ่งช่วยในการทำงานของร่างกาย ระบบประสาท และการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย ขณะเดียวกันก็เป็นสารแอนติออกซิเเดนท์ ต้นกำเนิดของความเสื่อมของเซลล์ (ชรา) และการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ

 

ทฤษฏีการแพทย์แผนไทยจัดข้าวและธัญพืช อยู่ในกลุ่มของยาหรืออาหารที่มีรสหวานมัน มีสรรพคุณในการบำรุงเนื้อ เอ็น ธาตุ และพลังงานในร่างกายให้มีความอุดมสมบูรณ์

คัมภีร์ทางการแพทย์ต่างๆ กล่าวถึงคุณประโยชน์ของอาหารในกลุ่มธัญพืช ว่าเป็นสมุนไพรบำรุงครรภ์ไว้ในฐานะของพืชสมุนไพร ที่นำมาใช้ในการประกอบเป็นยาตำรับร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ที่มีสรรพคุณใกล้เคียงกัน และไปในทิศทางเดียวกันเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

ยกตัวอย่างเช่น คัมภีร์ปฐมจินดา ในหนังสือแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ที่อธิบายถึงเรื่องการดูแลรักษาครรภ์ของมารดาในแต่ละช่วงเดือน โดยแนะนำให้หญิงมีครรภ์หมั่นกินข้าวและธัญพืช

สมุนไพรบำรุงครรภ์ ในกลุ่มของข้าวและธัญพืชที่ปรากฏอยู่ในยาแต่ละตำรับนั้น มีความสอดคล้องกับอาการระหว่างตั้งครรภ์ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมารดาในแต่ละช่วงไตรมาส ในการเลือกกินข้าวและธัญพืชให้เป็นยาบำรุงครรภ์ และแก้อาการวิงเวียน ใจสั่น หรืออาเจียน แถมยังช่วยให้ลูกในท้องยังสมบูรณ์และเเข็งเเรงขึ้นอีกด้วย

 

งั้นเราลองมาวิเคราะห์รสยาของตำรับยาแต่ละขนานในคัมภีร์แต่ละช่วงไตรมาส เพื่อง่ายและสะดวกต่อการนำไปใช้ได้จริง ในคัมภีร์ปฐมจินดามาฝากครับ

 

รูปภาพจาก pixels

 

สมุนไพรสำหรับแม่ ในช่วง 3 ไตรมาส

ช่วงไตรมาสที่ 1 (อายุครรภ์ 1-3 เดือน)

แนะนำให้กินสมุนไพร ธัญพืชจำพวก ข้าวเหนียวกัญญา(ข้าวเหนียวดำ) ข้าวตอกข้าวเหนียวกัญญา (ข้าวเปลือกที่คั่วจนเเตก เป็นดอกเป็นสีขาว) ข้าวเหนียวดำ ถั่วเขียว และสมุนไพรอื่นๆ เช่น เกสรบัวหลวง หัวแห้วหมู ซึ่งเป็นยาตำรับที่มีรสสุขุม รสเย็น รสมัน เหมาะสำหรับอาการใน

ช่วงไตรมาสแรกของมารดาที่กำลังตั้งครรภ์ คือ มีไข้ และอาเจียน
ข้อควรระวังในช่วงไตรมาสนี้ ไม่ควรใช้อาหารที่มีรสยาเผ็ดร้อน เช่น พริกไทย ดีปลี กระวาน ฯลฯ เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแท้งได้

 

ช่วงไตรมาสที่ 2 (อายุครรภ์ 4-6 เดือน)

แนะนำให้กินสมุนไพร ธัญพืชจำพวก เมล็ดเทียนดำ กระจับ และสมุนไพรอื่นๆ เช่น เกสรบัวหลวง ว่านน้ำ อบเชยเทศ ขิง ซึ่งเป็นยาตำรับที่มีรสสุขุม เผ็ดแต่ไม่ร้อนนัก รสขม และรสมัน เหมาะสำหรับอาการในช่วงไตรมาสนี้ คือ มีไข้ เป็นลม จุกเสียดแน่นท้อง และปวดเมื่อยบริเวณหลังและหน้าแข้ง

ในช่วงนี้หญิงมีครรภ์สามารถใช้อาหารที่มีรสยาเผ็ดร้อนได้แล้ว

 

ช่วงไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 7-9 เดือน)

แนะนำให้กินสมุนไพร ธัญพืช ข้าวเหนียวกัญชา เมล็ดผักกาด กระจับ เทียนดำ เทียนแดง และสมุนไพรอื่นๆ เช่น สะเดา ช้าพลู อบเชยเทศ ซึ่งเป็นยาตำรับที่มีรสสุขุม เผ็ดร้อน และรสขม ในช่วงนี้ไม่พบอาการมากนัก เพราะทารกในครรภ์เจริญเติบโต และใกล้คลอดแล้ว

ในช่วงนี้ ผมขอแนะนำให้ว่าที่คุณแม่กินอาหารที่ช่วยระบายร่วมด้วย เช่น เมล็ดในดอกคูน พร้อมทั้งอาหารที่ช่วยบำรุงเลือด และเพิ่มลม เพื่อเตรียมคลอด เช่น ฝาง ดอกคำฝอย

นอกจากนี้ การแพทย์ไทยแบบดั้งเดิมยังแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากข้าวและธัญพืชในรูปแบบอื่นด้วย ได้แก่ น้ำซาวข้าว (มีรสเย็นช่วยดับพิษร้อน ใช้เป็นยากระสายนำไปผสมกับยาตัวอื่นเพื่อเสริมฤทธิ์ เช่น ละลายน้ำซาวข้าวกับยาเขียว เพื่อดับพิษไข้ออกผื่น) ข้าวตอก (บำรุงธาตุและบำรุงกำลัง)

อย่างไรก็ตาม สมุนไพรบำรุงครรภ์ในกลุ่มของข้าวและธัญพืชในคัมภีร์ข้างต้น อาจหากินเป็นอาหารได้ค่อนข้างยากในปัจจุบัน ฉะนั้นเราสามารถกินธัญพืชอื่นๆ ที่มีลักษณะ และรสยาใกล้เคียงกันได้ ซึ่งถ้าใครคิดไม่ออกว่าเป็นอะไรนั้น ผมขอแนะนำน้ำอาร์ซีแบบชีวจิตครับ เพราะมีส่วน

ประกอบของข้าวและธัญพืชต่างๆมากมาย เช่น ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย ลูกบัว ข้าวซ้อมมือ ข้าวเหนียวซ้อมมือ ข้าวแดงมันปู และข้าวโอ๊ต

เมื่อนำข้าวดังกล่าวมาต้มรวมกันแล้ว รสยาที่ได้ จะเป็นรสมัน หวานเล็กน้อย เหมาะสำหรับทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์ และคนทำงานทั่วไป เพราะการดื่มระหว่างวัน จะช่วยให้สดชื่น กะปรี้กะเปร่า แก้อาการอ่อนเพลียได้

 

ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ประโยชน์ของข้าวและธัญพืช ล้วนมีคุณค่ามากขึ้นด้วยเช่นกันครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  goodlifeupdate