ช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่น บำรุงกระดูกอย่างให้สูงสมวัย กระดูกไม่คดไม่งอ

ช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่น บำรุงกระดูกอย่างให้สูงสมวัย กระดูกไม่คดไม่งอ

วิธี บำรุงกระดูก สำหรับวัยเด็กถึงวัยรุ่น ที่ช่วยให้สูงสมวัย กระดูกไม่คด

รู้ไหมว่า แต่ละช่วงวัยนั้น เทคนิคการ บำรุงกระดูก ก็แตกต่างกันไปด้วยปัจจัยของโครงสร้างของร่างกายที่แตกต่างออกไปเมื่ออายุมากขึ้น วัยเด็กถึงวัยรุ่นเป็นหนึ่งในช่วงวัยสำคัญที่บำรุงกระดูกให้แข็งแรงสมบูรณ์ เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ และป้องกันลักษณะที่ผิดปกติได้

 

รูปภาพจาก pixels

 

วัยสร้างเสริม…กระดูกกำลังพัฒนา

แพทย์หญิงซายน์  เมธาดิลกกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคกระดูกในผู้สูงวัย  และเมตาบอลิซึมกระดูก  ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้าน

 

ออร์โธปิดิกส์  โรงพยาบาลเลิดสินอธิบายว่า  สามารถเรียกการเจริญเติบโตของกระดูกในวัยเด็กถึงวัยรุ่นตอนต้นว่า ช่วง“สร้าง”และ“เสริม”  คือ

เด็กผู้ชายอายุไม่เกิน 18 ปี  และเด็กผู้หญิงอายุไม่เกิน 16 ปี  เป็นช่วงที่กระดูกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  กระดูกส่วนไหนที่ยังไม่สร้างก็จะสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้  นอกจากนี้ยังครอบคลุมทั้งการยืดและขยายของกระดูกทุกส่วน

 

ปัญหาที่พบบ่อย

กระดูกของเด็กวัยนี้กำลังเจริญเติบโตและจัดโครงสร้างที่ถูกต้องหากมีอะไรไปทำให้กระบวนการเจริญเติบโตและเสริมสร้างผิดปกติย่อมมีปัญหาตามมา  คุณหมอซายน์ยกตัวอย่างปัญหาที่พบบ่อยๆไว้ ดังนี้

– ปัญหาเกี่ยวกับโภชนาการ  คือ  “การขาดสารอาหาร” หรือ “การได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต”  อาจมาจากผู้ปกครองขาดการดูแลทางโภชนาการ  และเด็กเลือกกิน  กินยากก่อให้เกิดภาวะแคลเซียมต่ำ  วิตามินดีต่ำ  สารอาหารที่ใช้เสริมสร้างมวลกระดูกจึงพร่องไป

– ปัญหากระดูกหลังคด  กระดูกผิดรูป  มีผลมาจากพันธุกรรมเป็นสำคัญ  ประกอบกับปัจจัยภายนอก  เช่น  การสะพายกระเป๋าหรือแบกของหนัก  การนั่งเล่นเกมนานๆจนกล้ามเนื้อไม่ได้ขยับเขยื้อนพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อโครงสร้างภายในกระดูกและมีผลต่อความสูง  ยิ่งการนั่งท่าเดิมนานๆจะทำให้ความสมดุลของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเสียไป  ส่งผลให้รูปลักษณ์ของกระดูกผิดปกติได้

 

รูปภาพจาก pixels

– โรคหรือความผิดปกติของกระดูกตั้งแต่แรกเกิด  จากข้อมูลของหมอโป้ง- นายแพทย์พิชยา  ธานินทร์ธราธาร  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก  โรงพยาบาลจุฬาภรณ์  ระบุว่า  โรคหรือความผิดปกติของกระดูกที่อาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิด  เช่น  โรคข้อสะโพกหลุดตั้งแต่กำเนิด [Developmental Dysplasia of Hip (DDH)] ซึ่งแพทย์สามารถตรวจอัลตราซาวนด์พบในทารกตั้งแต่แรกเกิดจากการดูลักษณะกระดูกสะโพกว่า  ส่วนของเบ้าสะโพกกับกระดูกต้นขาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่  เพราะโรคนี้จะทำให้เด็กมีปัญหาด้านพัฒนาการการเดิน  การทรงตัว  รวมไปถึงมีผลต่อโครงสร้างของร่างกาย

แต่หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง  เด็กก็มีโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติและเติบโตอย่างสมบูรณ์ได้  ซึ่งโรคนี้มักพบในเด็กยุโรปมากกว่าเด็กเอเชีย

– ประสบอุบัติเหตุ  นอกจากนี้ความผิดปกติของกระดูกในเด็กวัยนี้อาจเกิดจากอุบัติเหตุ  เช่น  เด็กล้มแล้วเอื้อมมือยึดหรือคว้าบางอย่างไว้  หรือแม้กระทั่งผู้ปกครองที่รีบฉุดรั้งแขนเด็กไว้ขณะล้มการจูงลูกจนเด็กชูสุดแขน  อาจก่อให้เกิดปัญหาแก่เด็กได้ทั้งสิ้น เด็กที่อายุประมาณ 5 – 9 ขวบ  กล้ามเนื้อ  เอ็น  และข้อศอกยังพัฒนาไม่สมบูรณ์  การกระทำและอุบัติเหตุดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติฉับพลันที่เรียกว่า  กระดูกข้อศอกเคลื่อน (Pulled Elbow)  ทำให้เด็กรู้สึกเจ็บ  ไม่ยอมใช้แขนข้างนั้น  ต้องใช้เวลารักษาหลายสัปดาห์  ผู้ปกครองจึงควรระวังการจูงหรือดึงแขนเด็กวัยนี้

 

เทคนิคเสริมสร้างกระดูกเด็กให้แข็งแรง

1. จัดมื้ออาหาร เสริมสร้างกระดูกเด็ก หลักโภชนาการมีอิทธิพลต่อโครงสร้างร่างกายของวัยเด็กมากที่สุด  ดังนั้นการป้องกันภาวะขาดสารอาหารและความบกพร่องด้านการเจริญเติบโตต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญของเด็กวัยนี้

คุณหมอซายน์และคุณหมอโป้งให้ความเห็นว่าควรเริ่มต้นจากอาหารการกิน  และสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกก็คือ “แคลเซียม”  แต่การกินแคลเซียมอย่างเดียวก็ไม่ใช่คำตอบ  เพราะต้องอาศัยปัจจัยร่วมหลายอย่างเพื่อจะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองจึงแนะนำดังนี้

• ดื่มนม  นมเป็นอาหารพื้นฐานของเด็ก  ควรดื่มนมวันละ 1 – 2 แก้ว  หรือดื่มทุกมื้อ  มื้อละแก้วส่วนในเด็กที่แพ้นม  สามารถดื่มนมถั่วเหลืองแทนได้แล้วเสริมด้วยผักใบเขียวต่าง ๆ  เช่น  ผักคะน้าผักโขม  ตำลึง

 

รูปภาพจาก pixels

 

• กินผักผลไม้  เลือกชนิดที่มีวิตามินซี  แร่ธาตุแมกนีเซียม  แมงกานีส  และสังกะสีสูง  เช่น  กล้วย มะเขือเทศ  บีตรู้ต  ผักโขม  คะน้า  ขึ้นฉ่าย  เพราะจะช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรง  โดยการกระตุ้นให้คอลลาเจนในกระดูกทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 

รูปภาพจาก pixels

 

• รับวิตามินดีหากเป็นคนทำกิจกรรมกลางแจ้งวันละประมาณ 30 – 45 นาที  แน่นอนว่าแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับไขมันที่ผิวหนัง  สร้างเป็นวิตามินดีให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้อย่างเพียงพอ  แต่ถ้าหากไม่สามารถรับแสงแดดได้นานพอสามารถกินวิตามินดีเสริมหรือกินจากอาหาร  เช่น  ปลาแซลมอน  ปลาทูน่า  โดยวิตามินดีจะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส

 

รูปภาพจาก pixels

 

• ระวังไขมันทรานส์  หรือ Trans Fatty Acid เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่นอกจากจะเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดแล้ว  ยังเป็นตัวการสำคัญที่คอยสลายวิตามินในร่างกาย  รวมไปถึงวิตามินดีที่มีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูก

 

2. กินตามตารางโภชนาการ และหากยังเห็นภาพไม่ชัด  สามารถยึดหลักโภชนาการตามตารางอาหารสำหรับเด็กใน 1 วันของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  มหาวิทยาลัยมหิดลไว้เป็นแนวทางในการจัดอาหาร

 

อาหาร ปริมาณ

นมสด 1 – 2 แก้ว

รูปภาพจาก pixels

ไข่ 1 ฟอง

 

รูปภาพจาก pixels


ข้าวและธัญพืช 3 ถ้วยตวง (6 ทัพพี)

รูปภาพจาก pixels


เนื้อสัตว์สุก 5 – 6 ช้อนโต๊ะ

รูปภาพจาก pixels


ผักใบเขียวและผักอื่นๆ  ครึ่ง – 1 ถ้วยตวง

รูปภาพจาก pixels


ผลไม้ตามฤดูกาล มื้อละ 1 ส่วน

รูปภาพจาก pixels


ไขมัน 1 – 2 ช้อนโต๊ะ

รูปภาพจาก pixels


*นม 1 แก้ว  เท่ากับ 200 ซีซี

 

รูปภาพจาก pixels

 


**ผลไม้1 ส่วนให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี  ปริมาณเท่ากับกล้วยน้ำว้า 1 ผลเล็กหรือเงาะ 5 ผล หรือมะละกอสุก 8 ชิ้น  ขนาด 1 คำ  หรือฝรั่งขนาดกลาง ครึ่งผล

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate